ผลลัพธ์ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ถ้าปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ก็ต้องมีการดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ใต้ตาได้รับการฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่และมีผลลัพธ์ที่ยาวนานมากขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการใช้สาร Hyaluronic Acid เติมเต็มเข้าไปในบริเวณใต้ตา สามารถช่วยแก้ไขปัญหารูปหน้า ที่มีความผิดปกติเกิดจากวัยที่มากขึ้น หรือโครงสร้างกระดูกบริเวณกลางหน้าทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว จากการทำงานที่มีความเครียด หรือการพักผ่อนน้อย ทำให้ถุงใต้ตาห้อย คล้อยออกมา
การแก้ไขจึงเป็นการเติมเต็มช่วงกระดูกที่ทรุดลง เพื่อพยุงถุงใต้ตากลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิม รอยช้ำหรือสีคล้ำใต้ตาที่หลาย ๆ คนเห็นนั้น เกิดจากสีของเส้นเลือดดำมาเลี้ยงบริเวณถุงใต้ตา บริเวณใต้ตาก็จะดูสดใสมากยิ่งขึ้น การฉีดฟิลเลอร์จึงได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาใต้ตา เช่น ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา เป็นต้น
ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี
โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ที่หมอเลือกใช้จะเป็นฟิลเลอร์ แบรนด์ Juvederm เพราะเป็นฟิลเลอร์อันดับ 1 จากอเมริกา จะเป็นในรุ่นของ Juvederm รุ่น Voluma หรือ Volift สำหรับวางในตำแหน่งทดแทนไขมันชั้นลึกหรือแทนที่กระดูกหน้าแก้ม อีกรุ่นคือ Vobella สำหรับการฉีดเพื่อเก็ยรายละเอียดรอบ ๆ ตา, Belotero รุ่น Balance กล่องสีส้ม ช่วยเพิ่มความสดใสให้กับใต้ตา และ Restylane รุ่น Vital Light ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ชั้นผิว

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรปล่อยปะละเลย เพราะหากเราทำตามข้อปฏิบัติ จะทำให้ไม่มีผลกระทบระหว่างทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอีกด้วย
- ควรงดอาหารเสริมหรือยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน และวิตามินอี เพราะจะทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย
- หากต้องทำการเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการฉีดรักษาฟิลเลอร์ ควรทำก่อนอย่างน้อย 3 วัน เพราะหลังจากฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา แนะนำให้งดการเลเซอร์ในบริเวณเดียวกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดการดื่มแอลกฮอล์ และ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดเพิ่มขึ้น เช่น การเข้าซาวน่า ออกกำลังกาย cardio เป็นเวลา 24 ชม.ก่อนทำการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา


ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดครั้งละ 10 นาที ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หากมีบริเวณที่ช้ำ
- งดการออกกำลังกาย หรือทำกิจจกรรมที่สร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย เช่น การซาวน่า เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดกดนวดบริเวณที่ทำการรักษา อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
- สามารถรับประทานยาได้หากมีปวดในบริเวณที่ฉีด แพทย์แนะนำกลุ่มยาแก้ปวด พาราเซตามอล

อาหารและเครื่องดื่มต้องห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ข้อห้าม ในเรื่องการรับประทานอาหาร ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อาหารหมักดอง อาหารดิบ เพราะมีสารบางอย่างทำให้เกิดการอักเสบได้ ร่วมด้วยอาหารที่มีความเผ็ดมาก ๆ หรือการรับประทานอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาที่มีความร้อน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู จิ้มจุ่ม เพราะ ความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายได้
อันตรายของฟิลเลอร์ใต้ตา
เรื่องที่กังวลมากที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คงไม่พ้นเรื่องที่อันตรายมากที่สุด “อาการตาบอด” เกิดจากที่เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้วพลาดเข้าในเส้นเลือดที่เลี้ยงจอประสาทตา ฟิลเลอร์ก็จะเข้าไปอุดตันเส้นเลือดดังกล่าว ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงบริเวณดวงตา จนทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวและตาบอดในที่สุด
หากเกิดความผิดพลาดดังกล่าวขึ้นมาจะมีอาการทันที ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก แต่ใช่ว่าจะมีโอกาสเกิดกันได้ง่าย ๆ เพราะถ้าเราเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์จริง ๆ มีความชำนาญในด้านของกายวิภาค ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดได้
โดยต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกต้อง ไม่เห็นแก่ราคาถูกหรือโปรโมชั่นโดยไม่ได้ตรวจสอบแพทย์ที่ทำการรักษา ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อทางเว็บไซต์แพทยสภาได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทำให้ตาบอดจริงหรือ
มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงแน่นอน แต่โอกาสจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อใช้ฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้มาตรฐานการรับรอง และแพทย์ที่ฉีดไม่มีประสบการณ์และไม่เข้าใจเกี่ยวกับกายวิภาคอย่างเชี่ยวชาญ
ตำแหน่งที่เสี่ยงต่อ ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด
การฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด ฟิลเลอร์มีความเสี่ยงต่อการอุดตันเส้นเลือด ที่บริเวณตา และจมูก ส่งผลให้เกิดเนื้อตายและตาบอดได้ บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์จมูก และร่องแก้ม มีโอกาสทำให้เกิดเส้นเลือดแดงอุดตันในตา หรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า Central Retinal Artery Occlusion (CRAO)
การฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด คือ ฟิลเลอร์ที่เข้าเส้นเลือดดำแล้วเกิดการ “ท้นกลับ” หรือเรียกว่าไหลย้อนกลับไปที่เส้นเลือดแดง ถ้าหากเข้าเส้นเลือดแดงที่ไม่สำคัญก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไปเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลูกตาก็จะทำให้ตาบอดได้อย่างรวดเร็ว เพราะตัวสารนั้นมันจะไปอุดที่ Central retinal artery หรือ ถ้าอุดเส้นใหญ่กว่าหรือเส้นหลักก็คือ Ophthalmic artery นั้น ลูกตาก็จะฝ่อลงภายในไม่กี่วัน เพราะขาดเลือดไปเลี้ยงทั้งลูกตา

สรุป
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่จะช่วยคืนดวงตาที่สดใสกลับมาอีกครั้งด้วยการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หลังจากฉีดฟิลเลอร์ก็แนะนำให้มีการดูแลใต้ดวงตาควบคู่กันไปเพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น เช่น การทาครีมบำรุงใต้ตา, ทำทรีตเมนต์, ทำเลเซอร์ หรือการศัลยกรรม แต่หลังทำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
"รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับความงาม โดยทีมแพทย์ DoctorsAesthetic"

Pingback: What To Expect From Under Eyes Filler Treatment – Cascade Medical Boutique