ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มประเภทหนึ่งที่มีจุดประสงค์เพื่อเข้าทำการรักษาผิวหนังที่มีการสูญเสียความเต่งตึงจากการสลายของกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) โดยฉีดเข้าไปเติมเต็มผิวหนังที่เหี่ยวย่นตามส่วนต่างๆ ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง ให้ผิวนั้นดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย หรือใช้เพื่อเสริมความงามเฉพาะจุดได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ การฉีดฟิลเลอร์ปรับแต่งรูปทรงจมูก เป็นต้น
ปัจจุบันนวัตกรรมแห่งความงามได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มี ฟิลเลอร์ หลากหลายรูปแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม ปัจจุบัน ได้มีการแบ่งฟิลเลอร์ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) ฟิลเลอร์แบบกึ่งชั่วคราว (Semi Permanent Filler) และ ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) ซึ่งเป็นการแบ่งตามระยะเวลาที่คงอยู่ของฟิลเลอร์
สารบัญ
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งชั่วคราว
- ฟิลเลอร์แบบถาวร
- คุณสมบัติของฟิลเลอร์
- ตำแหน่งที่สามารถเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ แบบชั่วคราว (Temporary filler)
เป็นฟิลเลอร์ที่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะสลายออกไปตามอายุขัย อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 2 ปี สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง
ฟิลเลอร์สังเคราะห์จาก Hyaluronic Acid
ฟิลเลอร์ประเภทนี้เป็นฟิลเลอร์แบบทั่วไปที่ทางคลินิกเสริมความงามใช้เพื่อเติมเต็มผิวที่ขาดความกระชับ เหี่ยวย่น โดยสารชนิดนี้จะสามารถจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจลเพื่อทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง
โดย ฟิลเลอร์ ชนิดนี้ผลิตขึ้นมาจากการหมักแบคทีเรียและมีการใช้กระบวนการทางเคมีเพื่อยืดระยะเวลาให้อยู่ในร่างกายได้ยาวนานขึ้น เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะสามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 2 ปี เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดเนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรองรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว
คอลลาเจนฟิลเลอร์ (Collagen Filler)
ก่อนที่จะมี ฟิลเลอร์ สังเคราะห์ Hyaluronic Acid ได้มีการนำคอลลาเจนจากสัตว์มาใช้เติมเต็มผิว แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบันแล้วเพราะได้รับรายงานในบางรายพบอาการแพ้คอลลาเจนจากสัตว์ ร่างกายมนุษย์มีการต่อต้าน ไม่สามารถเข้ากันได้ มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก
แต่ก็ถือว่าเป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทหนึ่งเช่นกัน เพราะคอลลาเจนนั้นสามารถใช้แก้ไขปัญหารอยย่น รอยตีนกา หรือแผลเป็นของผิวหนังและทำหน้าที่เสมือนกาวยึดโครงสร้างต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะคงอยู่ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ทั้งหมด
ฟิลเลอร์ แบบกึ่งชั่วคราว (Semi Permanent Filler)
เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้ แต่จะมีอายุขัยอยู่นานกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ซึ่งสามารถอยู่ได้มากกว่า 2 ปี
ไขมัน (Fat Filler)
ไขมัน ถือเป็นฟิลเลอร์จากร่างกายของตัวเอง การใช้ไขมันมาฉีดเพื่อเติมเต็มนั้น ต้องทำการการดูดไขมันออกมาจากบริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้องแล้วนำมาฉีดตามจุดที่ต้องการเติมเต็ม การใช้ไขมันเพื่อเติมเต็มนั้นได้รับความนิยมรองลงมาจากการใช้ฟิลเลอร์ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นการใช้ไขมันของตัวเอง ไม่มีสารสังเคราะห์หรือสิ่งแปลกปลอม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้
แต่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การกลั่นไขมัน เพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพ ก่อนนำไปเติมเต็ม ซึ่งตัวไขมันนี้นอกจากจะไปเติมเต็มให้ใบหน้าสมบูรณ์แบบแล้ว ยังช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูมากขึ้นด้วย ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและแข็งแรงมากขึ้น
แคลเซียม ฟิลเลอร์ (Calcium Filler)
แคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (CaHA หรือ Hydroxyapatite) พบได้ทั่วไปในกระดูกและฟันของมนุษย์ จัดเป็นไบโอเซรามิกซ์ (Bioceramics) ที่มีคุณสมบัติเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อในร่างกายมนุษย์ (Biocompatible Materials) เนื่องจากอนุภาคของแคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Calcium Hydroxyapatite) หากนำมาผลิตเป็น ฟิลเลอร์ ฉีดเข้าร่างกายจะมีลักษณะเป็นสารละลายคล้ายเจล นำมาฉีดเพื่อเติมเต็มได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อแคลเซียมฟิลเลอร์เข้าสู่ใต้ขั้นผิวแล้วจะเปลี่ยนสภาพเป็นแคลเซียมที่อยู่ภายในกระดูก นำมาใช้ในการเติมเต็มได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า หลังมือ รวมไปถึงหน้าอกและสะโพก ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน แต่ฟิลเลอร์ชนิดนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้นำมาใช้ในประเทศไทย เนื่องจากหากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ยาก หรือเกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้
กรดโพลี แอล แลคติก (PLLA)
PLLA เป็นสารโพลิเมอร์ที่มนุษย์สร้างขึ้น มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อในร่างกายและสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มักนำมาใช้เป็นวัสดุเย็บแผลที่ละลายได้หรือใช้ดามกระดูก เช่น ไหมละลายและตะปูเกลียวยึดกระดูก การฉีดฟิลเลอร์จากสารชนิดนี้จะต้องฉีดซ้ำเป็นระยะเวลาหลายเดือน และผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นในแต่ละครั้ง โดยสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานถึง 2 ปี เป็นฟิลเลอร์ที่มีการคงตัวอยู่ยาวนานที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้เอง
ฟิลเลอร์ แบบถาวร (Permanent Filler)
ฟิลเลอร์ประเภทนี้จะไม่สามารถสลายออกไปได้ด้วยตัวเอง เพราะผิวไม่สามารถดูดซึมได้ ซึ่งจะทำให้ฟิลเลอร์ชนิดนี้ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย ร่างกายจะเกิดต่อต้านสารแปลกปลอมที่เข้าไป เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย
โพลีเมธิลเมธาไครเลต บีทส์ (Polymethylmethacrylate beats หรือ PMMA)
PMMA เป็นสารสังเคราะห์เช่นเดียวกับ PLLA โดยเข้ากับเนื้อเยื่อในร่างกายได้ โดยจะถูกรู้จักในชื่อของ พาราฟิน (Paraffin) หรือ ซิลิโคน (Silicone) ที่เป็นสารเติมเต็มในรูปแบบพลาสติก แต่จะไม่ย่อยสลายเหมือนกับฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ
กระบวนการนำมาใช้เพื่อเติมเต็ม สาร PMMA จะถูกนำไปทำให้เป็นสารละลายคล้ายเจลแล้วนำไปผสมกับคอลลาเจนจากวัว แล้วนำมาฉีดเติมเต็มเข้าสู่ร่างกาย โดยฟิลเลอร์ประเภทนี้ได้ถูกจัดให้เป็นฟิลเลอร์ปลอม หากถูกฉีดเข้าไปแล้วจะเป็นอันตรายเมื่อเวลาผ่านไป หากต้องการนำออกต้องมาทำการขูดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออกเท่านั้น ซึ่งไม่รับประกันว่าจะนำออกไปได้ทั้งหมด เพราะอาจมีบางส่วนได้ถูกร่างกายดูดซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแล้ว
คุณสมบัติของ ฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อให้นำไปใช้ตามบริเวณต่างๆ ของใบหน้าได้อย่างทั่วถึง เพราะฟิลเลอร์หนึ่งคุณสมบัติไม่สามารถใช้ได้ทุกบริเวณ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของคุณสมบัติฟิลเลอร์ด้วย เช่น บริเวณใต้ตาต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติความยืดหยุ่น
ความแข็ง
ความแข็ง (Elasticity) คือ ความสามารถในการทนต่อแรงกดในแนวตั้ง ฟิลเลอร์คุณสมบัตินี้จะสามารถขึ้นทรง ขึ้นรูปได้ดี จึงถูกใช้ในการฉีดเพื่อปรับยกโครงหน้าในชั้นกระดูก หรือในบริเวณที่ต้องการความพุ่ง โดดเด่น หรือเพิ่มมิติให้กับรูปหน้าอย่างชัดเจน
ความยืดหยุ่น
ความยืดหยุ่น (Plasticity/Cohesiveness) คือ ความสามารถในการทนต่อแรงบิดในแนวนอน ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักที่สามารถทนต่อการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เนื้อฟิลเลอร์มีความเหลว จึงทำให้มีการคงรูปต่ำ เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่ผิวบาง และไม่ต้องการปริมาตร เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว จะไม่ค่อยเห็นเป็นก้อนหรือความขรุขระ ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเนื้อในบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อยๆ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก
ความกระจายตัว
ความกระจายตัว (Tissue Integration) คือ ความสามารถในการสมานกับผิวที่อยู่รอบๆ ฟิลเลอร์ คุณลักษณะนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีผิวบางหรือผิวแห้ง เพราะมีคุณสมบัติสมานตัวเองกับผิวที่อยู่รอบๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้เห็นเป็นก้อนและเรียบเนียนไปกับผิว
ค่าความอุ้มน้ำ
ค่าความอุ้มน้ำ (Water holding) คือ ความสามารถในการอุ้มน้ำ มีปฏิกิริยากับน้ำที่เข้าสู่ร่างกาย หากผู้ที่ถูกฉีดฟิลเลอร์ประเภทนี้ดื่มน้ำในปริมาณมาก จะทำให้ฟิลเลอร์มีความฟู แต่ถ้าหากดื่มน้ำในปริมาณน้อย ฟิลเลอร์จะไม่แสดงความสามารถ มีความแฟบ ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์จะไม่ดีเท่าที่ควร เหมาะกับจุดที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยแต่ให้ความฟูมาก เช่น ร่องแก้ม ขมับ
การฟูของฟิลเลอร์ : เมื่อดื่มน้ำเข้าไป ฟิลเลอร์จะมีการเพิ่มปริมาตรเข้าไป เช่น เมื่อฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ก็จะได้ผลลัพธ์ราวกับการฉีดฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC
จำนวนการเชื่อมพันธะ
จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink) คือ ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธะในปริมาณมาก ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีคุณลักษณะมีความข้นสูง ซึ่งส่งผลให้ฟิลเลอร์คงตัวได้นานขึ้นและสลายช้าลง สามารถทนต่อแรงบิดในแนวนอนได้ดี แต่ความสามารถในการอุ้มน้ำ (Water holding) นั้นลดลง หากมีจำนวนพันธะในฟิลเลอร์มากจนเกินไป เมื่อเกิดปัญหาขึ้น จะทำการฉีดสลายยากและเกิดการแพ้ได้ง่าย หากทำการฉีดฟิลเลอร์ที่มีจำนวนเชื่อมพันธะสูงในปริมาณมาก ทำให้เกิดโอกาสเป็นพังผืด หรือจับตัวเป็นก้อนได้ง่าย
ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์
ขนาดของเม็ดฟิลเลอร์ (Particle Size) มีอยู่ 2 ขนาด ได้แก่ เม็ดใหญ่และเม็ดเล็ก โดยฟิลเลอร์ที่มีเม็ดใหญ่จะมีค่าความแข็งสูง สามารถอยู่ได้นานขึ้น เหมาะสำหรับการยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดี แต่มีค่าการกระจายตัวต่ำ ไม่ค่อยทนต่อแรงบิดในแนวนอน ไม่เหมาะกับการฉีดในตำแหน่งที่มีการขยับใบหน้าอยู่บ่อยๆ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้ไม่นาน
ตำแหน่งที่สามารถเติมเต็มด้วย ฟิลเลอร์
บริเวณขมับ
ขมับตอบ ขมับบุ๋ม เกิดจากการยุบตัวของกระดูก เนื่องจากกล้ามเนื้อภายในบริเวณมีการฝ่อตัวลง ส่งผลให้โครงหน้าผิดรูป หางตาและหางคิ้วตก โหนกแก้มดูเด่นชัดมากกว่า ดูไม่สมมาตร ดูเป็นโครงหน้าคนแก่ การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยเติมเต็มปัญหาขมับให้กลับมาสมบูรณ์ ใบหน้ากลับมาเข้ารูปอีกครั้ง แต่บริเวณขมับเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยง เพราะมีความบอบบางและยากต่อการฉีด
บริเวณหน้าผาก
หน้าผาก เป็นบริเวณที่เห็นได้เด่นชัดที่สุด ดังนั้นหากมีปัญหา เช่น หน้าผากแคบ หน้าผากแบน มีริ้วรอย มีรูปทรงที่ไม่เข้ากับใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะสามารถช่วยแก้ปัญหาปรับรูปทรงของหน้าผาก ให้มีความโหนกนูน ปรับมิติหน้าให้รูปหน้าสมส่วนให้รับกับใบหน้ามากขึ้น ใบหน้าโดยรวมก็จะดูอ่อนเยาว์ โดดเด่นมากขึ้น
บริเวณแก้มส้ม
แก้มส้ม เป็นบริเวณแก้มด้านบน ที่เวลายกแก้มขึ้นมาจะเป็นลักษณะคล้ายกับผลส้ม แก้มส้มที่ดีต้องมีมิติที่ดีโดยเฉพาะใบหน้าบริเวณกลางหน้า เมื่อหันข้างจะต้องมองเห็นเป็นตัว S หรือทางการแพทย์เรียกว่า ‘ S Curve’ การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มจะช่วยเติมเต็มแก้มส้มให้มีความเอิ่บอิ่ม กลมนูนสวย ช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เรียวยาว และดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
บริเวณร่องแก้ม
ร่องแก้ม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ร่องน้ำหมาก เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาและการสลายตัวของแผ่นไขมันบนใบหน้า ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อยลงมาบริเวณเหนือเส้นร่องแก้ม การมีร่องแก้มทำให้เหมือนมีเส้นขีดๆ บริเวณกลางหน้าคล้ายกับผู้สูงอายุ และทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยเข้าไปเติมเต็มร่องแก้มที่ลึกให้ตื้นขึ้นได้ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงด้วยเช่นกัน
บริเวณแก้มตอบ
แก้มตอบ เกิดจากการที่ผิวหน้าบริเวณแก้มยุบลงไป เหมือนกับมีหลุมลึกๆ อยู่บนใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูซูบผอม โทรม ไม่สดใส และดูมีอายุเกินกว่าความเป็นจริง การฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกให้ให้ตื้นขึ้น ดูเต่งตึง ไร้ริ้วรอย ขับให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
บริเวณใต้ตา
ใต้ตา เป็นบริเวณที่พบปัญหาได้บ่อยที่สุด ทั้งปัญหารอยคล้ำใต้ตา ความลึกโบ๋ รวมไปถึงริ้วรอยใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส ดูโทรม อ่อนล้า อิดโรยคล้ายคนพักผ่อนไม่เพียงพอ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะสามารถเติมเต็มใต้ตาที่ลึกโบ๋ให้ดูตื้นขึ้น ลดปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา ได้ผลลัพธ์ที่ทำให้ใบหน้าดูเต็มอิ่ม สดชื่นมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาที่เกิดจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตและพันธุกรรม
บริเวณจมูก
จมูก เป็นบริเวณยอดนิยมในการทำศัลยกรรมด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การศัลยกรรมทำจมูก การเสริมซิลิโคน เพื่อแก้ไขรูปทรงจมูกที่มีปัญหา เช่น จมูกแหมบ ปีกจมูกบาน รูปทรงจมูกไม่เข้ากับใบหน้า แต่การฉีดฟิลเลอร์จมูกก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน สามารถปรับรูปจมูกให้โด่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หรือใช้แก้ไขปัญหาสำหรับผู้ที่อยากแก้ไขรูปทรงจมูกเล็กน้อย แต่ไม่อยากทำศัลยกรรมใหญ่ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว และสามารถเห็นผลได้ทันที
แต่การฉีดฟิลเลอร์จมูกมีเงื่อนไขสำหรับผู้ที่มีจมูกไม่มีปัญหาหนักจนเกินไป หากใครที่มีจมูกแหมบมากๆ อาจไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
บริเวณริมฝีปาก
ริมฝีปาก จะสามารถพบปัญหาริมฝีปากเหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น หรือมีริมฝีปากที่บางมากจนเกินไป ในบางคนอาจมีริมฝีปากที่ผิดรูปผิดทรง การฉีดฟิลเลอร์ปากจะทำให้มีริมฝีปากที่อวบอิ่ม ร่องปากเต็มขึ้น ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี พร้อมช่วยยกมุมปากใบหน้าดูไม่บึ้งตึง อีกทั้งยังสามารถปรับใบหน้าโดยรวมให้ดูหวานหรือเซ็กซี่ได้ด้วย เพราะรูปทรงริมฝีปากสามารถเปลี่ยนความรู้สึกของใบหน้าได้ทั้งหมด
บริเวณคาง
คาง ก็เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่พบปัญหาในบ่อยครั้ง โดยผู้ที่มีปัญหาคางบุ๋ม คางสั้น คางตัด การฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยแก้ไขปัญหาคางได้ทุกรูปแบบ ทำให้หน้าดูเรียวยาว เข้ารูป คางสวยยาวเป็นธรรมชาติ มีปลอดภัยมากกว่าการเสริมคางด้วยซิลิโคนอีกทั้งยังได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะออกแบบและวินิจฉัยรูปคางที่รับกับใบหน้าด้วย
บริเวณกรอบหน้า
กรอบหน้า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีรูปหน้าหรือโครงหน้าที่ไม่ชัด หรือมีแก้มเยอะจนย้อยลงมาปิดกรอบหน้า รวมไปถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้กรอบหน้าหย่อนคล้อยลงมาเช่นกัน การฟิลเลอร์กรอบหน้า จะช่วยปรับรูปหน้าให้กรอบหน้ามีความชัดเจนขึ้น ลดความเด่นชัดบริเวณขากรรไกร มีความ V-Shape เรียวสวย ที่สำคัญยังช่วยลดความหย่อยคล้อยบริเวณกรอบหน้าในกลับมากระชับเต่งตึง แลดูอ่อนกว่าวัย
สรุปจากคุณหมอ
ฟิลเลอร์ มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร และฟิลเลอร์แบบถาวร แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป โดยฟิลเลอร์ที่คุณหมอแนะนำจะเป็นฟิลเลอร์สังเคราะห์จาก Hyaluronic Acid และการฉีดไขมันตัวเอง เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดและมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุดค่ะ
By Doctors Aesthetic
หมอขนม
ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
Restylane Trianer
หมอแนน
อภันตรี ทองคำวงศ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
MSc. Dermatology
หมอแซนดี้
ธัญชนก ปุญญโชติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
MSc. Dermatology
หมออ้อน
อิษฎา ตระกูลสุข
แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย
anti-aging
