
ปัญหารอยคล้ำใต้ตา เกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจมาจากปัจจัยใกล้ตัวที่คุณไม่ทันได้สังเกต แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์ แต่การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา ย่อมแตกต่างกันออกไปตามแบรนด์และการประเมินของแพทย์ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกค้า แต่ต้องเลือกอย่างรอบคอบเพื่อความปลอดภัย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร
ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนกำลังเผชิญ เป็นปัญหาที่สามารถจัดการได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งเป็นการฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไปบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาร่องใต้ตาที่ลึกให้ดูตื้นขึ้น ริ้วรอยดูจางลง ผิวหนังบริเวณใต้ตามีความกระชับ สดใส หน้าดูเด็กลง หลังจากฉีดแล้วจะช่วยคืนความสดใส แถมยังย้อนวัยให้กลับมาอ่อนเยาว์ลงอีกครั้ง
ปัจจัยที่ทำให้ขอบตาคล้ำและดำ
บอกได้เลยว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดใต้ตาคล้ำมาจากหลากหลายพฤติกรรมด้วยกัน หากเราทราบถึงปัจจัยและพฤติกรรมนั้น เราก็สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด ปัญหาขอบตาดำขึ้นมาได้ ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ มีดังนี้
- ความเครียดและการพักผ่อนน้อย
- อายุ
- โรคประจำตัว
- ขาดความชุ่มชื้นบริเวณใต้ตา
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- แสงแดด

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่
แน่นอนยังคงมีฟิลเลอร์ปลอมออกมาหลอกลวง เนื่องจากการเติมฟิลเลอร์ต้องการให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนนั้น จนต้องใช้ฟิลเลอร์หลายซีซี ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์แท้จะมีราคาค่อนข้างสูง (อย่างต่ำ ๆ ประมาณ 1X,000 บาท/CC.) จึงมีการจัดโปรโมชั่นฟิลเลอร์โดยใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งไม่สลายเมื่อเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปีจึงทำให้ไหลย้อยได้ หรือฟิลเลอร์ปลอมบางชนิดสลายไวและเป็นผังผืดเป็นคลื่น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน
ที่กล่าวไปข้างต้นว่า ฟิลเลอร์คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่ภายใต้ผิวหนังของเรา เมื่อถูกฉีดเข้ายังชั้นผิวบริเวณใต้ตาแล้ว จะสามารถสลายหายไปตามธรรมชาติ นอกจากรู้แค่ว่า ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ก็ต้องรู้ด้วยว่าฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหน โดยปกติฟิลเลอร์จะสลายภายใน 6 เดือน แต่หากดูแลรักษาตัวเอง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายฟิลเลอร์ใต้ตา รวมถึงฟิลเลอร์สมัยใหม่ที่มีการพัฒนา ก็จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล

ถ้าฟิลเลอร์ใต้ตาไม่สลาย เป็นเพราะอะไร
เพราะว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าสู่ใต้ตานั้นเป็นของปลอม ฟิลเลอร์ที่เป็น Hyaluronic Acid จะสามารถใช้ Hyaluronidase ฉีดสลายได้ทันที แต่ถ้าไม่สามารถสลายได้แสดงว่าเจอของปลอม หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชนิดเดียวกันกับฟิลเลอร์อยู่ทำให้พลาดไปฉีดกัน ในบางรายก็เกิดจากความไม่ทราบจริง ๆ
ถูกหลอกให้หลงเชื่อว่าที่นำมาให้ใช้นั้นเป็นของแท้ เพราะฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้จะมีการเลียนแบบทำแพกเกจกล่องเหมือนของแท้จนแทบแยกไม่ออก เมื่อระยะเวลาผ่านไป ร่างกายจะเกิดต่อต้านสารแปลกปลอมที่เข้าไป และเกิดอาการแพ้ บางรายอาจจะออกอาการแพ้หลังจากฉีดเข้าไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยอาการหลัก ๆ จะมีดังนี้

- ผิวหนังแพ้ เป็นผื่นแดง เขียวช้ำ จ้ำเลือด อาจมีอาการคันร่วม
- มีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งที่ฉีดเดิมไปตำแหน่งอื่น
- คลำผิวแล้วรู้สึกไม่เรียบเนียน ขรุขระ เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ บริเวณที่ฉีด
- เกิดการอุดตันภายในเส้นเลือด ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงในอวัยวะที่ใกล้เคียงกับที่ฉีดไว้ได้ เช่น ตาบอด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่CC.
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดแต่ละครั้งนั้น อยู่ที่ปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคลด้วย โดยปัญหาทั่วไปจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ 1-3 CC. หากคนไข้อายุ 50 ปีขึ้นไป กระดูกกลางหน้าทรุดลงเยอะ หรือมีปัญหาใต้ตาลึกมาก ๆ จากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตา อาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์ 4 CC. หรือมากกว่านั้น ในการรักษาเพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของปัญหาใต้ตาได้อย่างชัดเจน

ฟิลเลอร์ตัวไหน เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ที่แพทย์เลือกใช้จะเป็นฟิลเลอร์ แบรนด์ Juvederm เพราะเป็นฟิลเลอร์อันดับ 1 จากอเมริกา จะเป็นในรุ่นของ Juvederm รุ่น Voluma หรือ Volift สำหรับวางในตำแหน่งทดแทนไขมันชั้นลึกหรือแทนที่กระดูกหน้าแก้ม และ รุ่น Vobella สำหรับการฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดรอบ ๆ ตา
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มียาชาผสมอยู่ภายในหลอด สามารถลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีด ให้ลูกค้ารู้สึกสบายยิ่งขึ้น และมีระยะเวลาอยู่นานกว่า 18-24 เดือน และด้วยเทคโนโลยี Vycross จึงยกกระชับหน้าได้ดีกว่า ซึ่งต้นทุนในการผลิตนั้น ราคาบอกได้เลยว่าแบรนด์ Juvederm นั้นราคาแพงที่สุด จึงทำให้ราคาฟิลเลอร์ 1CC.นั้นสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ ตามท้องตลาด

สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา เท่าไหร่ ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ได้ตานั้นถูกกำหนดโดยแบรนด์ของฟิลเลอร์ ซึ่งเราต้องเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพสูง มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย ความชำนาญของแพทย์ที่ทำการรักษา สามารถวางใจได้ในเรื่องของผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์
"รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับความงาม โดยทีมแพทย์ DoctorsAesthetic"
