การฉีดฟิลเลอร์ เป็นช่วยเติมเต็มสาร HA เข้าไปในตำแหน่งี่ต้องการเพื่อเพิ่มความสวยแบบรวดเร็ว แต่ หลังฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรละเลยที่จะดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์นั้นมีประสิทธภาพและคงอยู่กับคุณได้นานที่สุด
ฟิลเลอร์ คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์เรา โดยสารกลุ่มนี้จะมีอยู่มากในชั้นผิวหนังและกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของคอลลาเจน
และมีส่วนช่วยในการเติมเต็มใบหน้า ริ้วรอย รอยหมองคล้ำดูจางลง ช่วยแก้ไขโครงสร้างใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เต่งตึงขึ้น ดูมีน้ำมีนวล อีกทั้งยังเป็นการเติมเส้นใยคอลลาเจนที่หายไป ให้ผิวนั้นดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์
ระยะเวลาของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 12–18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่โดยมาตรฐานของฟิลเลอร์ จะขึ้นกับปริมาณความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid และเทคโนโลยีการผลิต ที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา เป็นสารที่เลียนแบบสารที่มีตามธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้เอง ตามกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์
อาจมีอาการบวมเล็กน้อย หรือมีจุดแดงเล็ก ๆ ที่เกิดจากเข็ม แต่อาการจะดีขึ้นภายใน 3-5 วัน ซึ่งสามารถใช้รองพื้นธรรมดา เพื่อปกปิดรอยเข็ม หรือรอยบวมแดงได้ แต่หากภายใน 3 วัน อาการบวมยังไม่ดีขึ้น ควรติดต่อกลับมาที่คลินิก และหากเกิดรอยช้ำ หรือรอยบวม ไม่ควรใช้ความร้อนประคบ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ละลาย
การปฏิบัตตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงอาหารเสริมหรือยาบางชนิด จะดีที่สุดหากสามารถหลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการทำให้เกิดเลือดแข็งตัว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน (aspirin) และ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดแข็งตัวยาก จะส่งผลให้เกิดอาการช้ำได้ง่าย ซึ่งจะดีที่สุดหากสามารถเลี่ยงได้ 3 วัน
- หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม 2-3 วันก่อนฉีด เนื่องจากอาหารที่มีรสชาติเค็มจะทำให้อาการน้ำคั่ง ส่งผลให้ร่างกายมีโอกาสบวมมากขึ้น
- เลี่ยงการใช้สมุนไพร เช่น น้ำมันตับปลา แปะก๊วย โสม เป็นต้น
- ควรแจ้งประวัติการใช้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้ง
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
- ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดครั้งละ 10 นาที ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หากมีบริเวณที่ช้ำ
- งดแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดการออกกำลังกาย หรือทำกิจจกรรมที่สร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย เช่น การซาวน่า เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดกดนวดบริเวณที่ทำการรักษา อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
- สามารถรับประทานยาได้หากมีปวดในบริเวณที่ฉีด แพทย์แนะนำกลุ่มยาแก้ปวด พาราเซตามอล
แอลกอฮอล์
การดื่มแอลกฮอล์มีผลโดยตรงกับการบวมของฟิลเลอร์ อาการบวมในที่นี่ไม่ได้ได้เกิดผลกับการที่ฟิลเลอร์อุ้มน้ำเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นอาการอักเสบบวม ซึ่งโดยปกติแล้วอาการบวมแดงหลังจากการฉีดฟิลเลอร์นั้น จะคงอยู่ที่ประมาณ 2-3 วัน และจะหายไปได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
แต่อาการบวมที่เกิดจากการผิดปกติ หลังการฉีดฟิลเลอร์ มีโอกาสที่จะเป็นอาการบวมจาการติดเชื้อด้วย หากฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมเกิน 3 วันเป็นต้นไป ควรจะรีบมาปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้น
แนะนำให้งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ ในช่วง 2-3 วัน ก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ แต่ระยะเวลาที่เหมาะสมจริง ๆ ควรเป็น 1 สัปดาห์ค่ะ
หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง
อาหารหมักดองนั้น มีผลกับการบวมเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ และมีผลกับการเกิดการติดเชื้อเป็นอย่างมาก เพราะอาหารหมักดอง อาจมีวัตถุเจือปนมากันอาหาร สารกันเชื้อรา สี สารกันเสีย และสารฟอกสี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก
อาหารมักดอง ถือว่าเป็นอาหารแสลง ที่อาจก่อให้เกิดอาการติดเชื้อได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและการลดความเสี่ยงของอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แพทย์จึงแนะนำ ห้ามกินของหมักดอง รวมถึงปลาร้า หอยแครงลวก ไข่ดาวไม่สุก ไข่ลวก เนื้อที่ปรุงไม่สุก หรือแม้กระทั่ง ผักผลไม้ที่ล้างไม่สะอาดหลังฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง เพราะอาหารดิบเต็มไปด้วยพยาธิ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้ออื่น ๆ อีกมากมาย
หากเรารับประทานอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบเข้าไป เชื้อโรคก็จะเข้าไปในเส้นเลือดแล้วก็จะเข้าไปขัดขวางการซ่อมแซมแผล และทำให้แผลติดเชื้อได้
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
เลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด เช่น รสหวานจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะดูดน้ำในร่างกาย ส่งผลให้ตัวบวมหรือที่เรียกว่าภาวะบวมน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่จะไปกระตุ้นการอักเสบบนผิวหน้าได้ง่าย ทำให้แผลบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หายได้ช้านั่นเอง
หลีกเลี่ยงอาหารเสริม หรือยาบางชนิด
หลีกเลี่ยงการทานวิตามิน หรือ อาหารเสริมประเภทวิตามินอี น้ำมันปลา หรือสารสกัดสมุนไพรที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น โสม กิงโกะ และส่วนผสมของกระเทียม เพราะสารดังกล่าวจะเข้าไปทำปฏิกิริยาต่อร่างกาย อาจทำให้มีผลข้างเคียงตามมาและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช้ำได้ง่ายกว่าปกติ
รวมถึงหลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการทำให้เกิดเลือดแข็งตัว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน (aspirin) และ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวจะดีที่สุด
สรุป
หลังฉีดฟิลเลอร์ต้องระมัดระวัง แต่ไม่เหมือนกับการดูแลหลังผ่าตัด เป็นการดูแลแบบง่าย ๆ ไม่กระทบต่อการใช้ชีวติในประจำ ถ้าใครที่หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วนั้นอยากให้ผิวดูเต่งตึงขึ้นมากกว่าปกติ และแผลหายเร็วขึ้นก็สามารถรับประทานอาหารตามที่บอกข้างต้นได้เลย ทั้งนี้หลังเข้ารับการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์อย่าลืมรับประทานน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 3-4.5 ลิตร ในช่วงวันแรก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ของเราอุ้มน้ำมากยิ่งขึ้น