ฟิลเลอร์

สารบัญ

ฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ คืออะไร

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์ โดยสารกลุ่มนี้จะมีอยู่มากในชั้นผิวหนังและกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของคอลลาเจน
ฟิลเลอร์มีส่วนช่วยในการเติมเต็มใบหน้า ลดเลือนให้ริ้วรอย รอยหมองคล้ำดูจางลง ช่วยแก้ไขโครงสร้างใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เต่งตึงและกระชับขึ้น ดูมีอิ่มน้ำ อีกทั้งยังเป็นการเติมเส้นใยคอลลาเจนที่หายไป ให้ผิวนั้นดูอ่อนเยาว์ ร่องริ้วรอยที่ลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย

ประเภทของฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็น  3 ประเภทหลัก ดังนี้

ลักษณะ ฟิลเลอร์

1. Temporary filler (แบบชั่วคราว)

ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ระยะเวลาอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน นานถึง 2 ปี สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เป็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เช่น ฟิลเลอร์กลุ่มไฮยารูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ที่เรารู้จักกันแบบใช้ฉีดกันทั่วไป

แคลเซียมฟิลเลอร์

2. Semi Permanent Filler (แบบกึ่งถาวร)

ฟิลเลอร์ประเภทนี้ สามารถอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราว ประมาณ 2-5 ปี มีความปลอดภัยรองลงมาจากแบบแรก เช่น แคลเซียมฟิลเลอร์ ที่มีส่วนผสมของแคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Hydroxyapatite)

       สารเติมเต็มกลุ่มกึ่งถาวรนี้นิยมใช้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สารตัวนี้ในประเทศไทย หากเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาจะสามารถทำการแก้ไขได้ยากกว่าสารเติมเต็มในกลุ่มที่ย่อยสลายได้

ฟิลเลอร์ปลอม

2. Semi Permanent Filler (แบบกึ่งถาวร)

ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถอยู่ได้นานกว่าแบบชั่วคราว ประมาณ 2-5 ปี มีความปลอดภัยรองลงมาจากแบบแรก เช่น แคลเซียมฟิลเลอร์ ที่มีส่วนผสมของแคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Hydroxyapatite)

       สารเติมเต็มกลุ่มกึ่งถาวรนี้นิยมใช้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สารตัวนี้ในประเทศไทย หากเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาจะสามารถทำการแก้ไขได้ยากกว่าสารเติมเต็มในกลุ่มที่ย่อยสลายได้

แฟตฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ชนิดที่สลายและไม่สลาย

สารที่นำมาใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มนั้น โดยรวมเราจะเรียกกันว่า “ ฟิลเลอร์ ” (Filler) โดยฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าสู่ผิวหนังนั้น มีหลากหลายประเภท บางประเภทให้ผลลัพธ์ยาวนาน และบางประเภทก็ให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อที่ผ่านมา

       หากเป็นประเภทฟิลเลอร์ที่ทำจากสารที่ร่างกายสามารถค่อย ๆ สลายออกเองได้ หรือเรียกว่า ฟิลเลอร์ธรรมชาติที่มาจากร่างกายของเรานั่นเอง ซึ่งแต่ละชนิดนั้น มีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป

1.1 ฟิลเลอร์สารสังเคราะห์

  • ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน คือ ฟิลเลอร์กลุ่ม กรดไฮยาลูรอนิก (HA) สารชนิดนี้จะสามารถจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจล มีคุณสมบัติส่งผลให้ผิวหนังกระชับและเต่งตึง มีอายุประมาณ 6-12 เดือน และเป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยรับรองความปลอดภัย
  • แคลเซียมฟิลเลอร์ สารชนิดมาจากแคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทท์ (Calcium Hydroxyapatite หรือ CaHA) มักพบในกระดูกและฟันของมนุษย์ ฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถฉีดเพื่อแก้ไขเติมเต็มได้เป็นอย่างดี นอกจากการฉีดบนใบหน้าและมือแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการเติมหน้าอกและสะโพกได้อีกด้วย เนื่องจากอนุภาคของ CaHA  หลังเข้าสู่ใต้ผิวจะเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนแคลเซี่ยมของกระดูก ผลการรักษาอยู่ได้นาน 1.5 ปี ถึง 2 ปี
  • กรดโพลี แอล แลคติก (Poly L lactic acid หรือ PLLA) คือ สารอุ้มน้ำที่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อในร่างกายและสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ PLLA เป็นฟิลเลอร์ที่ได้ผลอยู่นานกว่าไฮยารูลอนิกแอซิด ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2-4 ปี
ฟิลเลอร์กึ่งถาวร

1.2 ฟิลเลอร์จากร่างกายของลูกค้าเอง

การใช้ฟิลเลอร์ชนิดนี้ มักใช้ไขมันในร่างกายของตัวลูกค้าเองมาฉีดเพื่อเติมเต็ม ปัจจุบันเรามักจะเรียกกันว่าการ ฉีดไขมัน หรือ Fat grafting อาจจะนำมาจากบริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง และจะมีกระบวนการ 2 ขั้นตอน คือ การนำไขมันออกมาโดยวิธีการดูดไขมันในส่วนที่ไม่ต้องการ และฉีดไขมันเข้าไปยังส่วนที่ต้องการเติมเต็ม ก็สามารถทำได้ในคราวเดียวกัน

ซึ่งผลลัพธ์ของการใช้ฟิลเลอร์จากไขมันตัวเองนั้นจะเป็นแบบกึ่งถาวร อาจต้องมีการฉีดหลายครั้งในช่วงแรก เนื่องจากการฉีดไขมันนั้น เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ซึ่งเป็นการปลูกถ่ายที่ย้ายไขมันจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดของร่างกาย อัตราการติดของไขมันนั้นจึงไม่ 100% และไขมันนั้นก็สามารถสลายไปได้ หากได้รับการดูแลหลังฉีดไขมันที่ไม่ถูกวิธี

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายหรือไม่

อันตรายแน่นอนถ้าไม่ทำตาม

  • ใช้ฟิลเลอร์ปลอม เสี่ยงการอุดตันในเส้นเลือด
  • แพทย์ที่ทำการฉีดต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
  • แพทย์มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาค และลดความเสี่ยงในการฉีดโดนเส้นเลือด
  • โดยปกติเมื่อเราไปพบแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าผิวของเราเหมาะกับฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนรุ่นไหน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับความถนัดและเทคนิคการฉีดของหมอแต่ละคนด้วย
ฟิลเลอร์ปลอม เช็กให้ดีไม่มีพลาด

ตำแหน่งยอดนิยมในการฉีดฟิลเลอร์

การใช้ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่งได้ตามความต้องการ แต่ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลมากกว่า ว่าต้องการที่จะเสริมในบริเวณไหน ส่วนใหญ่ตำแหน่งที่นิยมฉีดกันมาก มีทั้งหมด 8 ตำแหน่ง ดังนี้

ฟิลเลอร์ ใต้ตา

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา

สาเหตุการเกิดรอยคล้ำหมองบริเวณใต้ตานั้น มีด้วยกันหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ ใต้ตาคล้ำจากโรคภูมิแพ้ ลักษณะทางพันธุกรรม หรือแม้กระทั่ง กระดูกบริเวณใต้ตายุบลง จากสาเหตุอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้กลับมาเปล่งปลั่ง

ฟิลเลอร์ คาง

2. ฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางตัด คางพับ คางยื่นไม่เข้ากับรูปหน้า หรือใกล้ปากมากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์คาง จึงมีส่วนช่วยในการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเติมส่วนที่ขาดหายให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ คาง

3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ปัญหาบริเวณร่องแก้มลึก ตัวบ่งบอกถึงอายุได้อย่างชัดเจน ทั่วไปร่องลึกนี้จะลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุย่างเข้าสู่ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้หญิงจะเห็นชัดกว่าผู้ชาย เพราะร่องแก้มที่ลึกจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอวบอิ่ม ไม่โทรม ดูอ่อนเยาว์มากขึ้นด้วย

ฟิลเลอร์ จมูก

4. ฟิลเลอร์จมูก

การฉีดฟิลเลอร์จมูก เหมาะกับคนที่ไม่กลัวการผ่าตัด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับแก้ไขรูปจมูกให้สวย มีมิติ สามารถเติมปลายหยดน้ำ หรือปรับรูปให้จมูกสวยงามตามลักษณะของโหงวเฮ้งให้ดีได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์ หน้าผาก

5. ฟิลเลอร์หน้าผาก

เมื่ออายุมากขึ้น หน้าผากก็จะเล็กและแคบลง เนื่องจากกระดูกของกะโหลกและชั้นผิวจะบางลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าผากไม่สวย โค้งมน เกิดการยุบตัวลงของกระดูก ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ และขาดสมมาตร ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ทั้งนี้ฟิลเลอร์หน้าผากยังช่วยในเรื่องการปรับโหงวเฮ้งให้ดีด้วย

ฟิลเลอร์ ใต้ตา

6. ฟิลเลอร์ปาก

เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างผลิตได้น้อยลง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับผิวทุกส่วนของร่างกาย สำหรับริมฝีปากที่มีคอลลาเจนน้อยจะดูไม่อิ่มเอิบ เห็นริ้วรอยได้ง่าย ดูแห้ง ส่งผลทำให้เสน่ห์ที่น่าดึงดูดลดน้อยลงไปด้วย ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้นและมีเสน่ห์น่ามอง สามารถสะกดสายตาเวลาพบเจอผู้คนได้

ฟิลเลอร์ ขมับ

7. ฟิลเลอร์ขมับ

ปัญหาขมับตอบ เกิดจากโครงสร้างกะโหลกศีรษะของแต่ละบุคคล การฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะช่วยปรับรูปหน้ารวมถึงบริเวณขมับให้ได้สัดส่วนมากขึ้น และช่วยลดความเด่นของโหนกแก้มลง ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยในเรื่องการเสริมโหวงเฮ้งอีกด้วย

ฟิลเลอร์ แก้มตอบ

8. ฟิลเลอร์แก้มตอบ

สาเหตุแก้มตอบเกิดจากผอมเกินไป การลดน้ำหนักรวดเร็วเกินไป ผลกระทบจากการจัดฟันก็มีส่วน ทางพันธุกรรม หรือมีโหนกแก้มสูงเกินไป ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย  โทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังช่วยในการปรับโหงวเฮ้ง ช่วยส่งเสริมในเรื่องต่าง ๆ ตามหลักความเชื่อชาวจีนอีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละตำแหน่งต้องฉีดในปริมาณเท่าใด

การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งนั้น ใช้ปริมาณของฟิลเลอร์ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาบนใบหน้าของลูกค้าแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าในแต่ละตำแหน่ง ควรใช้ปริมาณฟิลเลอร์เท่าไหร่จึงจะเหมาะสมและเพียงพอ โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้และปัญหาที่จะทำการแก้ไขในบริเวณนั้น ๆ ด้วย

ฟิลเลอร์ ฉีดกี่ซีซี
  • จมูก 1 ml.
  • หยดน้ำ 1 ml.
  • คาง 1-2 ml.
  • ปากอวบอิ่ม 1-2 ml.
  • ร่องแก้ม 1-2 ml.
  • เติมแก้ม แก้มตอบ 2-4 ml.
  • เติมใต้ตา 1-3 ml.
  • ขมับ 2-3 ml.
  • หน้าผาก 4-6 ml.
  • ร่องใต้มุมปาก 1-2 ml.

** เป็นปริมาณโดยคร่าว ขึ้นกับระดับปัญหาของแต่ละบุคคล

อาการแพ้ฟิลเลอร์

อาการแพ้ฟิลเลอร์ เป็นการแพ้สารบางชนิดในฟิลเลอร์ โดยโอกาสที่จะพบคนที่แพ้ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid นั้นน้อยกว่า 1% เป็นโอกาสที่น้อยมากในบุคคลทั่วไปจะเกิดอาการแพ้ จึงไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ โดยจะมีอาการแพ้อยู่ 2 รูปแบบ

  • ลมพิษแบบรุนแรง (Angioedema) : อาการแพ้จะแสดงให้เห็นลมพิษขึ้นมาอย่างรุนแรง
  • อาการแพ้ฟิลเลอร์ (Delay Hypersensitivity) : อาการแพ้ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะแสดงให้เห็นเป็นก้อนบวม นูนแดงอักเสบ มักเกิดอาการได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว โดยเบื้องต้นสามารถทานยาฆ่าเชื้อ เพื่อบรรเทาอาการบวมได้ แต่ถ้าหากรุนแรงมากอาจต้องเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการฉีดสลายฟิลเลอร์

ราคาฉีดฟิลเลอร์

ราคาในการรักษาโดยการใช้ฟิลเลอร์ในการนั้นค่อนข้างสูง ปริมาณที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิว โดยที่ลูกค้าบางท่านอาจจะเริ่มจากการเติมเพียง 1-2 CC. ในครั้งแรก เนื่องจากการเติมฟิลเลอร์ในบางจุด อย่างเช่น หน้าผาก ถ้าต้องการให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนนั้น ต้องใช้ฟิลเลอร์หลายซีซี ตั้งแต่ 3-5 CC. ขึ้นไป ซึ่งราคาอยู่ประมาณ 13,000-20,000 บาท

ฟิลเลอร์แบรนด์ที่หมอใช้เป็นประจำและอยากจะแนะนำ คือ แบรนด์ Juvederm, Restylane และ Belotelo เพราะทั้ง 3 แบรนด์นี้ได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพ และ ความปลอดภัยของฟิลเลอร์ มีผลงานการศึกษาถึงความปลอดภัยเป็นเวลานาน

 ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์แท้จะมีราคาค่อนข้างสูง จึงมีการจัดโปรโมชั่นฟิลเลอร์โดยใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดการไหลย้อยของฟิลเลอร์และพังผืดได้

ฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี

การเลือกฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์คุณภาพ

ในการเลือกฉีดฟิลเลอร์ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงและให้ความสำคัญ คือฟิลเลอร์ที่เราฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ การฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งจะต้องมั่นใจได้ว่าฟิลเลอร์ที่เราฉีดนั้น ได้รับการรับรอง และตรวจสอบมาตรฐานโดยองค์การอาหารและยาประเทศไทย

เราต้องทราบ วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้หรือปลอม หรือวิธีการสังเกตฟิลเลอร์เบื้องต้น เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง สำหรับกรณี ของแท้จากต่างประเทศ แต่ลักลอบหิ้วเข้ามาฉีด โดยปกติกระบวนการเก็บรักษา ในกระบวนการหิ้วฟิลเลอร์หนีภาษีจากต่างประเทศนั้น ต้องขนส่งหลายต่อ อาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมไม่ได้คุณภาพ

ซึ่งในปัจจุบันมีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ของ Restylane โดยการใช้แอปพลิเคชัน eZ Tracker ในการตรวจสอบ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ตรวจสอบ ฟิลเลอร์ แท้

แบรนด์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองในประเทศไทย (อย.ไทย)

ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นให้เลือกสรร ซึ่งแต่ละรุ่นและราคาก็แตกต่างกันออกไป ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองในประเทศไทย ซึ่งก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ที่สำคัญคืออย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา และเลือกให้เหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างตรงจุด

1. Juvederm

Juvederm นำเข้าจากอเมริกา แบรนด์นี้บอกเลยว่ามีการันตีคุณภาพมาอย่างยาวนาน ซึ่งตัวของฟิลเลอร์ ของจูวีเดิร์มนั้น ก็มีหลากหลายรุ่นให้เราเลือกใช้ ตามความเหมาะสมของแต่ละส่วน

  • Ultra / Ultra plus  เป็น 2 รุ่นของฟิลเลอร์แบรนด์อเมริกา ที่ให้ความเข้มข้นของสารไฮยาลูโรนิค แอซิดสูง (HA) เหมาะในการเติมเต็มในตำแหน่งที่ต้องการในปริมาตรมาก เช่น ขมับ แก้มตอบ แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มเทคโนโลยีการผลิตแบบดั้งเดิม ผลการรักษาจะสั้นกว่า อยู่ได้เพียงช่วง 12-15 เดือนเท่านั้น
๋Juvederm ultraplus
  • Voluma filler เน้นใช้กับคาง, ขมับตอบ หรือการฉีดลิฟติ้งยกใบหน้า
๋Juvederm Voluma filler
  • Volift filler ใช้สำหรับแก้ไขริ้วรอยร่องลึกและรอยเหี่ยวย่น อันเนื่องมาจากสภาวะต่าง ๆ เช่นการแก่ก่อนวัย
๋Juvederm Volift filler
  • Vobella filler ใช้สำหรับ ฉีดใต้ตา ฉีดปากให้ดูอิ่มน้ำ เรียกว่าได้รับความนิยมอย่างมากเลยทีเดียวในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อนำมาใช้ฉีดใต้ตาก็ดูสวยแบบเป็นธรรมชาติ
๋Juvederm Vobella filler
  • Volite filler ใช้สำหรับการเติมเต็มรอยที่ผิวหนัง เพื่อแก้ไขลักษณะของผิวหนัง เช่น เติมความยืดหยุ่นให้ดีขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยยับ
๋Juvederm Volite filler

2. Restylane

Restylane filler จากสวีเดน ก็เป็นฟิลเลอร์อีก 1 ตัวที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก การันตีจากอย FDA อเมริกา และ CE MARKS จากยุโรป มีมากมายหลายรุ่นให้เลือกใช้กับแต่ละตำแหน่งปัญหาเช่นกัน เฉลี่ยเวลาที่อยู่ได้ 12-15 เดือน

Restylane classic
  • Restylane classic นิยมนำมาใช้ในการรักษาตำแหน่ง Midface เติมเต็มแก้มส้ม ร่องแก้ม ร่องพับมุมปาก ร่องพับคาง
Restylane Refyne
  • Restylane Refyne เหมาะสำหรับการแก้ไขบริเวณที่ผิวหนังบาง ๆ มีรอยยับเล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียด เช่น รอบดวงตา
Restylane Defyne
  • Restylane Defyne นำมาใช้ในการรักษาบริเวณ midface หรือบางคนนำมาใช้ในการเติมเต็มแก้มส้ม ร่องน้ำหมาก ร่องพับคาง
Restylane Lyft
  • Restylane Lyft นิยมนำมาเติมเต็มแก้ไขในจุดที่ต้องการแรงยกสูง เช่น บริเวณขมับ ตามตำแหน่งเส้นเอ็นต่าง ๆ ของใบหน้า คาง ร่องแก้ม เป็นต้น
Restylane Volyme
  • Restylane Volyme นิยมนำมาใช้ในการรักษาในตำแหน่งที่ต้องการการเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบ เช่น บริเวณแก้มตอบ ร่องแก้ม เป็นต้น
Restylane Vital
  • Restylane Vital ปรับความชุ่มชื้นของผิว แก้ไขปัญหา ริ้วรอย ร่องลึก ตื้น ๆ ได้เป็นอย่างดี สำหรับตำแหน่งที่นิยมในการเติมเต็มจะเป็นบริเวณหน้าผากที่ต้องการความฉ่ำวาวของผิว
Restylane Vital light
  • Restylane Vital light แก้ไขปัญหาจะใช้แก้ไขบริเวณ หลุมสิว รอยคล้ำใต้ตา หรือบริเวณที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นหลัก เช่น หลังฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ลำคอ และเนินอก

3. Belotero

Belotero filler หรือ colorful filler จากสวิสเซอร์แลนด์ ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะราคาไม่แพงจับต้องได้ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology ซึ่งเป็นนวัตกรรมการผลิตพิเศษที่มีแค่ยี่ห้อนี้เท่านั้น ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกสภาพผิว มี 4 รุ่นให้เลือกใช้

  • Belotero Soft นิยมใช้สำหรับในการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวใส หน้าฉ่ำวาว มีน้ำมีนวล หรือบริเวณหน้าแก้ม เพิ่มความกระจ่างใส ลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา รวมไปถึงช่วยเก็บริ้วรอยเล็ก ๆ และรักษาหลุมสิวที่ไม่ลึกมากได้ด้วย
filler belotero soft
  • Belotero Balance นิยมใช้สำหรับบริเวณใต้ตา เพิ่มความกระจ่างใส เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน สร้างขอบปากและสร้างร่องเหนือริมฝีปากให้ชัดมากขึ้น อีกทั้งยังใช้บริเวณหน้าผากที่มีปัญหาไม่มากได้ รวมไปถึงหลุมสิวไม่ลึก
filler belotero balance
  • Belotero Intense นิยมใช้สำหรับบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น ขมับ หรือริมฝีปาก เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม และใช้ยกกระชับใบหน้า รวมไปถึงริ้วรอยร่องลึกตามใบหน้า ช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์
filler belotero intens
  • Belotero Volume นิยมใช้ในการเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการการคงที่ของฟิลเลอร์ เช่น คาง ขมับ แก้มส้ม เพิ่มมิติให้กับใบหน้า
belotero Volume filler

4. Perfectha

Perfectha filler new generation จากฝรั่งเศส ผ่านการตรวจรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ไทย และต่างประเทศ

filler perfectra

5. Neuramis filler

Neuramis filler  จากประเทศเกาหลี ราคาประหยัด ซึ่งตอนนี้ผ่านการรับรองในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

filler Neuramis

6. Revanesse filler

Revanesse filler ฟิลเลอร์สัญชาติ แคนนาดา เทคโนโลยีการผลิต Thixofix technology ได้รับอย.ไทย มาระยะหนึ่งแล้ว แต่อาจจะยังมาไม่ครบทุกรุ่นเช่นเดียวกัน

ฟิลเลอร์ ราเวนเนส

7. Yvoire

Yvoire แบรนด์น้องใหม่ที่คุณภาพพรีเมียมเทียบเท่าแบรนด์ในยุโรป เพิ่งนำเข้ามาในประเทศไทยไม่นาน โดยตัวที่นำร่องเข้ามาก่อนจะเป็นกล่องสีม่วง ที่มีโมเลกุลใหญ่ เหมาะกับเติมเต็มในชั้นลึก เช่น ขมับ ร่องแก้ม คาง เป็นต้น

ฟิลเลอร์ ยีโว

ระยะเวลาของฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ส่วนใหญ่โดยมาตรฐานของฟิลเลอร์แล้ว จะขึ้นกับปริมาณความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid และเทคโนโลยีการผลิต ที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา เป็นสารที่เลียนแบบสารที่มีตามธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้เอง ตามกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลซึ่งจะแตกต่างกันออกไป อยู่ได้นาน 1-2 ปี 

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

วิเคราะห์ใบหน้าฉีดฟิลเลอร์

1. ประเมินใบหน้าและวางแผน

แพทย์จะทำการประเมินดูลักษณะของใบหน้าและปัญหาผิว เพื่อตรวจดูบริเวณที่จะแก้ไขโดยการทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ในแต่ละจุด รวมถึงมีการถ่ายภาพใบหน้าบริเวณที่จะทำการรักษาเพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีด

ฟิลเลอร์ ปรับผิว

2. ทำความสะอาดและใช้ยาระงับความรู้สึก

ขั้นตอนนี้จะต้องเช็ดทำความสะอาดใบหน้าก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการทายาระงับความรู้สึก หรือ อาจใช้อุปกรณ์เย็นจัด ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์

ฉีด ฟิลเลอร์ เพื่ออะไร

3. ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ จะใช้เวลาในการฉีดแต่ละเข็มเพียงไม่นาน แพทย์จะทำการนวดและประเมินผลการตรวจไปพร้อมกับการฉีดฟิลเลอร์ หรืออาจมีการเพิ่มปริมาณของฟิลเลอร์ตามที่แพทย์เห็นสมควร

ขั้นตอนการฉีด ฟิลเลอร์

4. การทำความสะอาดแผลและพักฟื้น

เมื่อแพทย์เห็นว่าผลลัพธ์ของการรักษาเป็นที่พอใจแล้ว จะลบทำความสะอาดเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ออก และใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวมและบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย โดยผิวหนังที่ฉีด อาจมีการฟกช้ำจากรอยเข็ม 1-2 วัน แต่จะไม่เจ็บมาก

เมื่อกลับมาพักฟื้นที่บ้าน อาจใช้น้ำแข็งประคบบริเวณดังกล่าว โดยอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือเพียง 2-3 วัน ส่วนผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์โดยการใช้ไขมันจากร่างกายของตนเอง จะใช้เวลาฟื้นตัวหลังจากการรักษานานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ปกติ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

หากลูกค้าเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ ขึ้น ควรไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อให้ตรวจดูความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย

ข้อปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดแข็งตัวยาก จะส่งผลให้เกิดอาการช้ำได้ง่าย ซึ่งจะดีที่สุดหากสามารถเลี่ยงได้ 3 วัน
  • เลี่ยงการใช้สมุนไพร  เช่น น้ำมันตับปลา แปะก๊วย โสม เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารเสริมหรือยาบางชนิด จะดีที่สุดหากสามารถหลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการทำให้เกิดเลือดแข็งตัว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน (aspirin) และ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม 2-3 วันก่อนฉีด เนื่องจากอาหารที่มีรสชาติเค็มจะทำให้อาการน้ำคั่ง ส่งผลให้ร่างกายมีโอกาสบวมมากขึ้น
  • ควรแจ้งประวัติการใช้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
  • หากมีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้ง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์
  • ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดครั้งละ 10 นาที ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หากมีบริเวณที่ช้ำ
  • งดการออกกำลังกาย หรือทำกิจจกรรมที่สร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย เช่น การซาวน่า เลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • งดแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • งดกดนวดบริเวณที่ทำการรักษา อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • งดแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
  • สามารถรับประทานยาได้หากมีปวดในบริเวณที่ฉีด แพทย์แนะนำกลุ่มยาแก้ปวด พาราเซตามอล

อาการข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์

อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำเล็กน้อย หรือคันในจุดที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดคลึงในจุดนั้น ๆ อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หาก 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์คลินิกที่ได้ทำการรักษา

       หากฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นเป็นฟิลเลอร์แท้จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย ไม่เกิดการไหลย้อยหรือฟิลเลอร์ผิดรูป แต่อาการข้างเคียงที่เกิดจากเทคนิคแพทย์ก็อาจจะเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับบริการจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างแท้จริง

สลายฟิลเลอร์คืออะไร

สลายฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเพื่อสลายฟิลเลอร์ ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์มาแล้วเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ เป็นการใช้เอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyarulonidase :HYAL) ซึ่งเอ็นไซม์นี้จะตัวช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์กลุ่ม ไฮยารูลอนิกแอซิด Hyaluronic Acid: HA สามารถสลายได้เฉพาะฟิลเลอร์แท้ที่ทำมาจากกรดไฮยาลูรอนิกเท่านั้น แล้วการฉีดสลายฟิลเลอร์อันตรายไหม ถ้าแพทย์มีความเชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์แท้ไม่อันตรายแน่นอน 

สบาย ฟิลเลอร์ คือ

ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม

การฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ผู้ทำการรักษาจะมีขั้นตอนของการทายาชาก่อน ซึ่งจะออกฤทธิ์โดยระงับการทำงานของระบบประสาท ทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบที่ทายา จะไร้ความรู้สึกชั่วคราว ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ รวมไปถึงตัวของฟิลเลอร์เองมีส่วนผสมของยาชา (Lidocane) อยู่ด้วย

ดังนั้นระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ สามารถมั่นใจได้ว่าแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย รวมทั้งหลังยาชาหมดฤทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีความรู้สึกเจ็บเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการทนต่อความเจ็บของตัวบุคคล

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ?

ฟิลเลอร์ ที่ไหนดี

 การเลือกสถานที่ในการฉีดฟิลเลอร์ เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะการเลือก ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี การฉีดครั้งหนึ่งจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา จะส่งผลดีหรือไม่ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการเอง  โดยมีปัจจัยดังนี้

1. มีรีวิวที่น่าเชื่อถือได้

      ต้องดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง พิจารณาจากแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ มีความเป็นปัจจุบัน และควรดูรีวิวที่เป็นคลิปวิดีโอก่อน-หลังทำ จะสามารถเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน

2. มีราคาที่เหมาะสม

       ราคาต้องไม่สูงหรือต่ำต่างไปจากคลินิกอื่น ๆ มาก ซึ่งอาจจะแตกต่างกันได้ในด้านความชำนาญของแพทย์ หากเป็นฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกจนเกินไป ให้เดาได้เลยว่าน่าจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานการรับรอง

3. ดูเคสรีวิวของแพทย์แต่ละคน

       แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทางในด้านการฉีดฟิลเลอร์ การวางตัวยาในตำแหน่งชั้นผิวแบบใดแก้ปัญหาใด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ และบวมช้ำน้อยที่สุด ที่สำคัญต้องไม่เกิดปัญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์ในแบบต่าง ๆ

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ต้องรู้อะไรบ้าง

ฟิลเลอร์ ช่วยอะไร

1. ประเภทของฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ สามารถแบ่งประเภทได้หลากหลายรูปแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม ตรงจุด และเหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของลูกค้า เพราะมีทั้ง ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) ฟิลเลอร์แบบกึ่งชั่วคราว (Semi Permanent Filler) และ ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)

2. ฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ปลอม

       ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดเพื่อทำการรักษา จะต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ เท่านั้น โดยเราสามารถดูรายละเอียดได้จาก การเลือกฟิลเลอร์แท้ และ ฟิลเลอร์คุณภาพ และ วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้หรือปลอม

3. แพทย์ผู้ทำการรักษา

       อย่างแรกจะต้องมั่นใจได้ว่าเป็นแพทย์จริง ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์ได้ที่ เว็บไซต์ของแพทย์สภา แพทย์ที่ทำการรักษาจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาค และ เส้นเลือดบนใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้านั้นหากพลาดพลั้งฉีดโดนเส้นเลือด หรือ วางตำแหน่งยาผิดชั้นผิวไปแล้วนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้

ผลลัพธ์หลังฉีด ฟิลเลอร์

รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ รีวิว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สาร Hyaluronic Acid ที่ฉีดเพื่อเติมเต็มใบหน้า ริ้วรอย รอยหมองคล้ำให้ดูลดเลือนลง รวมไปถึงการฉีดเสริมในจุดต่าง ๆ เช่น จมูก ปาก คาง ขมับ แก้มตอบ เป็นต้น

ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ไม่อันตรายอย่างที่คิด หากเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และแพทย์ผู้ทำการรักษามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการฉีดฟิลเลอร์ มีความรู้ในเรื่องกายวิภาพเป็นอย่างดี

ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน?

การเปลี่ยนแปลงจะเห็นได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยอาจจะมีอาการบวม แดง เขียวช้ำ แต่จะค่อย ๆ หายใน 1-2 วัน และหากมีอาการไม่ดีขึ้น บวมนานผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ที่ทำการรักษา

สรุป

ฟิลเลอร์ หรือ สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นการเลียนแบบสารในร่างกาย ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก เต็มเติมใบหน้าให้เต่งตึง ปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้น การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา การฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยทั้งใช้ของแท้และประสบการณ์ของแพทย์ หากใช้ฟิลเลอร์ปลอมจะทำให้เกิดอันตราย เช่น ตาบอด ฟิลเลอร์จับเป็นก้อนต้องฉีดสลายหรือผ่าตัดออกเท่านั้น ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการเอง ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและรีวิวโดยผู้ใช้จริง

"รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับความงาม โดยทีมแพทย์ DoctorsAesthetic"

ทีมแพทย์ RWC