ก่อนฉีดโบท็อกซ์ต้องรู้อะไรบ้าง?

โบท็อกซ์ คืออะไร

โบท็อกซ์ (Botox) คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม” (Clostridium botulinum) โบท็อกซ์สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย และยังถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดแล้วมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ยกกระชับใบหน้าและลำคอ และช่วยลดริ้วรอย รวมไปถึงช่วยในเรื่องของผิวพรรณความงาม แต่ถ้าหากได้รับสารนี้มากเกินไปจะทำให้อาหารเป็นพิษหรือเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแอ

ใครฉีดโบท็อกซ์ได้บ้าง?

• ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น หน้าผาก รอยตีนกา ริ้วรอยรอบดวงตา ปาก เพื่อให้ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์ไว้
• ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าและลำคอ

ผู้ที่ไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ คือ

• ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum Toxin
• ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
• ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
• ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก

โบท็อกซ์ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องใด

• ลดเลือนริ้วรอยจากปัจจัยต่าง ๆ
• ปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้น
• ยกกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เช่น คิ้ว ปาก
• ลดขนาดของกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เช่น ขา น่อง ไหล่
• ภาวะความผิดปกติที่เกิดจากการทำงานมากเกินของกล้ามเนื้อ
• การปวดไมเกรน หรือ การปวดศีรษะจากความเครียด
• ภาวะกล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรัง
• ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ

ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีดโบท็อกซ์

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์

• สามารถนำมาใช้ในด้านความงามและการแพทย์ โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้ในหลาย ๆ จุดประสงค์ ทั้งในด้านของความงาม ไม่ว่าจะเป็นการลดริ้วรอย การปรับรูปหน้า หรือในด้านการแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท เช่น ออฟฟิศซินโดรม หรือภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ
• เป็นการรักษาโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด การรักษาด้วยโบท็อกซ์ เป็นการรักษาโดยการใช้เข็ม นำสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ฉีดเข้าสู่บริเวณที่ต้องการ จากนั้นก็จะเป็นไปตามกระบวนการการคลายกล้ามเนื้อ จึงไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวมากเพื่อทำหัตถการ

ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์

• มีค่าใช้จ่ายที่สูง เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์ครั้งหนึ่งสามารถอยู่ได้ 4-6 เดือน หากสารโบท็อกซ์หมดฤทธิ์แล้ว สภาพของผิวอาจกลับไปเป็นเหมือนเดิม ฉะนั้นจึงต้องทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 4-6 เดือน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง
• ไม่เหมาะกับการฉีดบ่อยจนเกินไป เนื่องจากหากใช้มากเกินไป ใบหน้าอาจเปลี่ยนไปจากเดิม และโบท็อกซ์อาจไปลดทอนประสิทธิภาพในการแสดงออกทางสีหน้าได้ตามปกติ เพราะใบหน้าจะเกร็งอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญซึ่งถ้าหากทำการฉีดโบท็อกซ์หลายครั้งอาจทำให้เกิดภูมิคุ้มกันสารพิษโบทูลินั่ม ท็อกซินได้ ที่เรียกว่า ภาวะดื้อโบท็อกซ์

ข้อปฏิบัติก่อน-หลังการฉีดโบท็อกซ์

ข้อปฏิบัติก่อนฉีดโบท็อกซ์

• ก่อนฉีดไม่ควรใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำ
• งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดโบท็อกซ์
• ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่

ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์

• ใช้น้ำแข็งประคบหากมีอาการบวมแดงหรือช้ำ
• ห้ามนอนราบ 4 ชั่วโมงหลังจากฉีด
• งดหารทำหน้าหรือนวดหน้า เป็นเวลา 2 สัปดาห์
• งดการออกกำลังกายหนัก ๆ
• หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนจัด เช่น การแช่บ่อน้ำร้อน
• งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

ผลข้างเคียงหลังฉีดโบท็อกซ์

การใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้ร่างกายเกิดการสร้างภูมิต้านทานต่อโบทูลินั่ม ท็อกซินได้ จากสถิติของสหรัฐอเมริกาที่รวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน จำนวนมาก พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต  เมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้ฉีดเพื่อเสริมความงาม

ผลข้างเคียงจากการฉีดที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

• อาการปวดศีรษะ
• รอยช้ำจากการที่เข็มฉีดยาทำให้เกิดความบาดเจ็บต่อหลอดเลือด มักเกิดบริเวณหางตา อาการคิ้วหรือหนังตาตก
• อาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด กล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่

ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นเล็กน้อยหรือปานกลาง และมักหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์

ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี

การเลือกฉีดโบท็อกซ์ นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ  วันนี้หมอมี 4 เทคนิคในการเลือกฉีดโบท็อกซ์มาฝากค่ะ

• คลินิกดี มีมาตรฐาน และใบอนุญาตรับรอง
• แพทย์มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์
• ใช้โบท็อกซ์ของแท้ มีคุณภาพ
• มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง

สรุป 

การฉีดโบท็อกซ์ คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดแล้วมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว ยกกระชับใบหน้าและลำคอ และช่วยลดริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์