โบท็อกซ์ (ฺBotox) คืออะไร? อันตรายแค่ไหนจากการฉีดโบท็อกซ์?

โบท็อก

หากพูดถึงเทคนิคศัลยกรรมความงามด้านชะลอวัย คงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่นึกถึงเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือ Botulinum toxin A เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม” (Clostridium botulinum) ซึ่งหากได้รับเชื้อโรคนี้ในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อรวมไปถึงช่วยในเรื่องของผิวพรรณความงาม และยังสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย เช่น ภาวะเหงื่อออกมาก ออฟฟิศซินโดรม

โบท็อกซ์ การทำงาน

Botox โบท็อกซ์ (ฺBotox) คืออะไร

โบท็อกซ์เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium Botulinum ซึ่งเป็นแบคที่เรียที่สามารถสร้างอกซินหรือสารมีพิษที่ทำให้เกิด อาการอาหารเป็นพิษได้ สารสกัดจากแบคทีเรียนี้มีสองชนิด คือ โบทูลินั่ม เอ (Botulinum A) และ โบทูลิ้นั่ม บี (Botulinum B) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง คือ “อะซีทิลโคลีน” ได้ มีผลทำให้กล้ามเนื้อไม่อาจหดตัวได้

โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์อย่างไร

เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่บริเวณที่ต้องการแล้ว สารโบท็อกซ์จะจับเข้ากับปลายประสาท ที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราวและเกิดการคลายตัวและผ่อนคลายลง

ริ้วรอยที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุที่มากขึ้น หรือ ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่างๆ ก็จะเลือนหายไป ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น จะลดลง และอีกทั้งโบท็อกซ์ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยซ้ำด้วย

โบท็อกซ์ ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง

รักษาโรคบางประการ

โบท็อกซ์มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคหรือผู้ที่มีความผิดปกติของร่างกายได้หลายอย่าง เช่น ใช้ฉีดเพื่อรักษาผู้ที่มีอาการตาเหล่ ตาเข หรือตากระตุก อาการโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รวมถึงอาการปวดศีรษะจากโรคไมเกรนเรื้อรัง

ลดเลือนริ้วรอยบนผิวหน้า

ในแวดวงความงาม โบท็อกซ์นั้นนิยมนำมาใช้ฉีดคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งบนใบหน้า เพิ้อใหเริ้วรอยลดเลือนลง เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา ขมับ ผิวกลับมาเรียบตึงอีก ริ้วรอยบนใบหน้าที่สามารถใช้โบท๊อกซ์แก้ไขได้ 

ปรับรูปหน้าให้เรียว V-Shape

โบท็อกซ์สามารถแก้ไขโครงสร้างใบหน้าที่ใหญ่ เป็นทรงเหลี่ยม โดยการไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรามให้เล็กลง รูปหน้าที่และดูอูมใหญ่และเป็นเหลี่ยมจะค่อยๆ เรียวเล็กลง โครงหน้าได้รูป V-shape โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดกราม

ปรับขนาดน่องให้เล็กลง

โบท็อกซ์สามารถปรับเรียวน่องให้เล็กลงได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ไปยังกล้ามเนื้อก้น (Gastrocnemius) ที่อยู่บริเวณน่องที่ต่อกับก้น เพื่อให้ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อน่องที่ใหญ่มีขนาดเล็กลง คล้ายกับหลักการทำงานของการฉีดโบท็อกซ์ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้หน้าเรียว

แก้ไขปัญหาภาวะเหงื่อออกมาก

การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติเฉพาะที่ จะเป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณชั้นใต้ผิวหนังชั้นตื้น บริเวณที่เหงื่อออกมาก โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งสาร Acetylcholine ที่หลั่งออกมาควบคุมระบบประสาทที่ทำให้เกิดการหลั่งของเหงื่อ ช่วยลดเหงื่อได้ประมาณ 80% โดยเหงื่อจะค่อยๆ ลดลงและแห้งไปในที่สุด

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง

หน้าผาก

รอยย่นบริเวณหน้าผาก มักจะเป็นริ้วรอยหรือร่องลึกที่แสดงให้เห็นค่อนข้างชัดเจน สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคนที่พบเจอปัญหานี้ แม้ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรก็ยังมีริ้วรอยที่เห็นได้ การฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก จะเข้าไป ออกฤทธิ์ยับยังการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว ทำให้ริ้วรอย ร่องลึกลดลง

หางคิ้ว

คิ้วเปรียบเสมือนมงกุฎของใบหน้า เป็นตัวบ่งชี้ถึงอารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี หากรูปคิ้วของเราตก อาจทำให้อารมณ์ใบหน้านั้นเศร้าหมอง ไม่สดใสได้ การโบท็อกซ์หางคิ้วจะช่วยให้เกิดการยกกระชับของกล้ามเนื้อ โดยผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยยกความสูงของหางคิ้วให้สูงขึ้น ส่งผลทำให้ดวงตาดูเฉี่ยว คม มีเสน่ห์ รูปหน้าดูสดใสไม่หมองเศร้าอีกต่อไป

รอบดวงตา

บริเวณที่ริ้วรอยจะแสดงให้เห็นเป็นที่แรกเมื่อร่างกายแก่ตัวลงหรือผลจากการแสดงสีหน้ามากเกินไป จะเป็นที่ไหนไม่ได้เลยนอกจากบริเวณรอบดวงตา เมื่อเกิดริ้วรอยขึ้นแล้วทำให้หลายคนไม่กล้าแสดงอารมณ์ ไม่กล้ายิ้มอย่างที่เคย ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกซ์รอบดวงตา ช่วยกู้ดวงตาเหี่ยวย่น เศร้าหมองให้กลับมาดูสดใส เยาว์วัยมากยิ่งขึ้น

โหนกแก้ม

โหนกแก้มที่ใหญ่เกินงาม ทำให้ใบหน้าที่เคยมีเสน่ห์ดึงดูดนั้นไม่งดงามเหมือนเคย ทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน ดูแข็งกร้าว ไม่อ่อนหวาน การฉีดโบท็อกซ์โหนกแก้มจะเป็นการเข้าไปลดกล้ามเนื้อของโหนกแก้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ใบหน้าของคุณดูมีมิติ หน้าเรียวยิ่งขึ้น ดูอ่อนกว่าวัยได้

ปีกจมูก

ปัญหาจมูกโต ปีกจมูกใหญ่ รูจมูกกว้าง จมูกไม่เรียวเล็ก ทำให้ไม่มั่นใจกับรูปทรงจมูก การฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูกจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่งผลให้ปีกจมูกดูแคบลง เล็กเรียวสวย ดูโด่ง ไม่บานออกน่าเกลียด

กราม

ปัญหากรามใหญ่ ที่ทำให้หน้าบาน หน้าดูแข็งไม่อ่อนหวาน โดยฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณกราม มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้รูปด้วยโบท็อกซ์กราม ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยและได้รูปมากยิ่งขึ้น

ต้นแขน

เคยไหมที่รู้สึกว่าแขนใหญ่ แขนย้วย ไม่กล้าใส่เสื้อแขนสั้น หรือสาวๆ ที่ออกกำลังกายใช้กำลังแขนบ่อย ก็อาจทำให้มีกล้ามแขนใหญ่เหมือนนักกล้าม การโบท็อกซ์ต้นแขน เข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ในบริเวณนั้นคลายตัว รวมถึงลดความกว้างของบ่า ต้นแขนจึงเล็กลง และยังลดความกว้างของบ่าลงอีกด้วย แต่จะได้ผลเมื่อต้นแขนของเรานั้นใหญ่มาจากสาเหตุของกล้ามเนื้อเยอะเท่านั้น

กล้ามเนื้อน่อง

ผู้หญิงมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาน่องใหญ่อยู่ไม่น้อย ลดทอนความมั่นใจในการเผยเรียวขา หรือการแต่งตัว ปัจจัยหลักมาจากการใช้งานช่วงขาที่มากเกินจนทำให้เกิดกล้ามเนื้อบริเวณขา เช่น การออกกำลังกาย การใส่ส้นสูง ซึ่งการลดน่องสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการโบท็อกซ์น่อง ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว และเกิดการฝ่อตัวลง เมื่อกล้ามเนื้อในบริเวณน่องหยุดการทำงาน ส่งผลทำให้น่องขาของเราแลดูเล็กลง ส่วนมัดกล้ามเนื้อที่เคยเป็นก้อน ๆ ก็จะค่อย ๆ เล็กลงตามไป

โบท็อกซ์ลดเหงื่อ บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า

ภาวะเหงื่อออกมากไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน การมีเหงื่อออกมากทำให้มีอุปสรรคในการใช้ชีวิตมากมาย จึงต้องรีบแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อใกล้กับต่อมเหงื่อ ทำให้กล้ามเนื้อบีบรัดน้อยลง ซึ่งส่งผลให้เหงื่อออกน้อยลงด้วย

ความแตกต่างระหว่าง โบท็อกซ์ กับ ร้อยไหม

ในเรื่องของการยกกระชับ ต้องยกให้สองหัตถการนี้เป็นตัวเลือกหลักๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะเป็นการปรับรูปหน้าที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลได้จริง แต่จริงๆ แล้วทั้งสองให้ผลลัพธ์ที่ดีแตกต่างกันในปัญหาต่างๆ

โดยโบท็อกซ์ เหมาะกับผู้ที่มีกรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ โดยการใช้กล้ามเนื้อกรามมากเกินไปจะทำให้กราหมมีขนาดใหญ่ขึ้น การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวและทำให้กรามมีขนาดเล็กลง

แต่การ้อยไหมนั้นเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมากกว่า โดยอาจจะมาจากอายุที่มากขึ้นหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผิวคล้อย ซึ่งการร้อยไหมจะดึงผิวขึ้นไปทำให้มีความกระชับและดูเรียวมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยลดขนาดของกรามแต่อย่างใด

ยี่ห้อของโบท็อกซ์

  1. อัลเลอร์แกน (Allergan) เป็นผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซิน ที่ถูกผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นโบท็อกซ์ตัวดั้งเดิมที่ผลิตมายาวนาน มีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก และผ่านการพัฒนาให้มีโอกาสของการดื้อยาน้อยที่สุด ข้อดีของ โบท็อกซ์ ยี่ห้อนี้คือ กระจายตัวแคบ ทำให้ควบคุมการฉีดได้แม่นยำ ตรงจุด แต่ในทางกลับกัน หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็จะเห็นข้อผิดพลาดได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคิ้วกระดก ยิ้มแข็งหรือแก้มตอบ
  2. ดิสพอร์ต (Dysport) เป็นผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซิน ที่ถูกผลิตในประเทศอังกฤษ โดยมีจุดเด่นคือ โบท็อกซ์มีกระจายตัวได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้ฉีดในบริเวณกว้าง เช่น ฉีดลดเหงื่อ ลดต้นแขน ลดน่องปูด
  3. ซีโอมิน (Xeomin) ผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซิน ที่ผลิตในประเทศเยอรมนี มีจุดเด่นคือ มีการนำสารโปรตีนขนาดใหญ่ตัวอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เหลือเฉพาะสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ บริสุทธิ์ และเป็นโมเลกุลเล็ก เมื่อฉีดแล้วจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป และมักได้ผลดีแม้ในกรณีที่ดื้อยา แต่ผู้เข้ารับบริการจะต้องหยุดการ ฉีดโบท็อก มาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี และราคาของโบท็อกซ์ ยี่ห้อนี้จะค่อนข้างสูง
  4. นูโรน็อกซ์ (Neuronox) ผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซิน ที่ผลิตในประเทศเกาหลี คุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกับยี่ห้ออัลเลอร์แกน คือ มีการกระจายตัวของ โบท็อกซ์ ค่อนข้างแม่นยำใกล้เคียงกัน แต่ราคาจะถูกกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
  5. โบทูแล็กซ์ (Botulax) ผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซิน ที่ผลิตในประเทศเกาหลี จุดเด่นคือ โบท็อกซ์ออกฤทธิ์เห็นผลค่อนข้างไว ราคาประหยัด แต่ข้อเสีย คือ สลายตัวเร็ว ไม่ค่อยคงทนยาวนานมากนัก
  6. นาโบตะ (Nabota) ผลิตภัณฑ์โบทูลินั่มท็อกซิน ที่ผลิตในประเทศเกาหลี จัดเป็น โบท็อกซ์ยี่ห้อพรีเมียม มีสารโบทูลินัมท็อกซิน เอ บริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์เร็ว เน้นใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่หน้าผาก หางตา ปรับรูปหน้า ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามดูเล็กลง

ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานไหม

การฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่ได้ผลลัพธ์อย่างถาวร โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่าง ได้แก่

ยี่ห้อของโบท็อกซ์ : โบท็อกซ์นั้นมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งบริษัทที่ผลิต ประเทศที่ผลิต และความบริสุทธิ์ โดยส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาและระยะเวลาในการออกฤทธิ์ ถ้าหากโบท็อกซ์มีความบริสุทธิ์สูง จะมีอายุนานกว่า และสามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่า

ตำแหน่งที่ฉีด : ถ้าหากฉีดโบท็อกซ์ที่ตำแหน่งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ไหล่ น่อง อาจทำให้ระยะเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่ากล้ามเนื้อตามใบหน้า เพราะกล้ามเนื้อมัดใหญ่จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก

ภูมิต้านทานโบท็อกซ์ : ถ้าหากรับการฉีดโบท็อกซ์เป็นจำนวนหลายครั้ง จะทำให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทาน จึงส่งผลต่อฤทธิ์ในการคงอยู่ของโบท็อกซ์

โบท็อกซ์ ตีนกา
โบท็อกซ์ ช่วยอะไร
โบท็อกซ์ ดีอย่างไร
โบท็อกซ์ ริ้วรอย

ข้อดีของโบท็อกซ์

สามารถนำมาใช้ในด้านความงามและการแพทย์

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าโบท็อกซ์นั้นถูกนำมาใช้ในหลายๆ จุดประสงค์ ทั้งในด้านของความงาม ไม่ว่าจะเป็นการลดริ้วรอย การปรับรูปหน้า หรือในด้านการแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท เช่น ออฟฟิศซินโดรม หรือภาวรเหงื่อออกมากผิดปกติ

เป็นการรักษาโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

การรักษาด้วยโบท็อกซ์ เป็นการรักษาด้วยการใช้เข็ม นำสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เข้าสู่บริเวณที่ต้องการ จากนั้นก็จะเป็นไปตามกระบวนการการคลายกล้ามเนื้อ จึงไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวมากเพื่อทำหัตถการ

โบท็อกซ์ คือ

ข้อเสียของโบท็อกซ์

ผลการรักษาจะอยู่ได้เพียง 4-6 เดือน

การฉีดโบท็อกซ์หนึ่งครั้ง จะสามารถอยู่ได้ 4-6 เดือน ถ้าหากโบท็อกซ์หมดฤทธิ์แล้ว สภาพของผิวอาจจะกลับไปเป็นอย่างเดิม จึงต้องทำการฉีดโบท็อกซ์ซ้ำทุกๆ 4-6 เดือน ทำให้มีใช้จ่ายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำแล้วไม่จบภายในครั้งเดียว

ไม่เหมาะกับการฉีดบ่อยมากเกินไป

ควรตัดสินใจให้ดีเกี่ยวกับความถี่ในการใช้การรักษาด้วยโบท็อกซ์ เนื่องจากหากใช้มากเกินไป ใบหน้าอาจเปลี่ยนไปจากเดิม และโบท็อกซ์อาจไปลดทอนประสิทธิภาพในการแสดงออกทางสีหน้าได้ตามปกติเพราะใบหน้าของคุณจะเกร็งอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญซึ่งถ้าหากทำการฉีดโบท็อกซ์หลายครั้งอาจทำให้เกิดภูมิคุ้มกันสารพิษโบทูลินั่ม ท็อกซินได้

ความเสี่ยงและอันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์

การใช้โบท็อกซ์ ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้ร่างกายเกิดการสร้างภูมิต้านทาน จากการสำรวจของผู้ใช้และรับบริการฉีดโบท็อกซ์พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่อาจจะมีผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์ เช่น อาการปวดที่ศีรษะหรือบริเวณที่ฉีด รอยช้ำจากเข็มฉีดยา และกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่ ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นเล็กน้อยหรือปานกลาง และมักหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์

ติดเชื้อ

เกิดจากการเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด รวมไปถึงผู้ที่ฉีดไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เพราะถ้าเป็นแพทย์ จะมีเทคนิคที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์ได้อย่างปลอดภัย (เทคนิคการทำให้ปราศจากเชื้อโรค) ซึ่งเป็นเทคนิคที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อจากการทำหัตถการต่างๆ

ตาตก

สามารถพบอาการดังนี้ได้ในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยบริเวณหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงและตกลงมาได้ หากฉีดไม่ถูกวิธีและใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัย

มุมปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด

สามารถพบอาการดังนี้ได้ในการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการกระจายตัวไปผิดจุดของโบท็อกซ์ ซึ่งทำให้เกิดการยิ้มไม่ขึ้น แสดงสีหน้าได้ไม่ปกติ หรือที่เข้าใจกันว่าเป็นอาการหน้าแข็งจากโบท็อกซ์

อาการดื้อโบท็อกซ์

ภาวะดื้อโบท็อกซ์ นั้นเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดี้ (ภูมิคุ้มกัน) ขึ้นมาเพื่อต่อต้านสารโบท็อกซ์ ทำให้เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้ว ตัวยาจะถูกทำลายเกือบหมด ต่อให้ฉีดไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล โดยส่วนใหญ่แล้วภาวะดื้อโบท็อกซ์เกิดจากการที่ร่างกายของเราได้รับตัวยาไม่ได้มาตรฐาน มีสารปนเปื้อน ซึ่งมีความเป็นพิษสูง จนกระตุ้นให้ร่างกายของเราสร้างแอนติบอดี้ออกมาต่อต้าน

วิธีแก้ไข

  • รอให้แอนติบอดี้ (antibody) ที่ต่อต้านโบท็อกซ์ในร่างกายหมดไป
  • ฉีดในปริมาณที่สูงขึ้นสองถึงสามเท่า เช่น จาก 50 ยูนิต เป็น 100 – 200 ยูนิต

ฉีดโบท็อกซ์มีผลกับ การฉีดวัคซีนโควิด หรือไม่อย่างไร

พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ และ รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้คำตอบว่าการฉีดโบท็อกซ์หรือการทำหัตถการความงามใดๆ ไม่มีผลกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 แต่อย่างใด ยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงใดๆ ที่กระทบกับโบท็อกซ์ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด แต่เพื่อความปลอดภัย ควรรอให้พ้นช่วง 2 สัปดาห์ จึงค่อยเข้ารับการหัตถการดีกว่า

กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์

  • ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum Toxin
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
  • ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
  • ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก
โบท็อกซ์ กราม

การปฏิบัติตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์

  • ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำ
  • งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดโบท็อกซ์
  • ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
ฉีด โบท็อกซ์

การปฏิบัติตัวหลังการฉีดโบท็อกซ์

  • สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำ
  • ห้ามนอนราบ 4 ชั่วโมงหลังการฉีด
  • งดทำหน้านวดหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • งดออกกำลังกายหนัก ๆ เช่น คาดิโอ้
  • งดการโดนความร้อนจัด เช่น การแช่บ่อน้ำร้อน,โยคะร้อน
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอลฮอลล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
โบท็อกซ์ กับร้อยไหม

สรุป

โบท็อกซ์ เป็นสารสกัดที่เรียกว่า “โบทูลินัม ท็อกซิน เอ” (Botulinum toxin A) จากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) เป็นนวัตกรรมเพื่อการลดริ้วรอยและปรับรูปใบหน้า รวมไปถึงการรักษาอาการผิดปกติจากกล้ามเนื้อและเส้นประสาท

"รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับความงาม โดยทีมแพทย์ DoctorsAesthetic"

ทีมแพทย์ RWC